เจย์ สเปียริง สตาฟฟ์โค้ชทีมชุด U18 ของลิเวอร์พูล เปิดเผยว่าตัวเองถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคโรคแอดดิสัน (Addison’s disease) หรือว่าภาวะต่อมหมวกไตบกพร่อง (adrenal insufficiency)
กองกลางวัย 34 ปี เพิ่งจะกลับมาอยู่กับลิเวอร์พูลอีกครั้งเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ในฐานะสตาฟฟ์โค้ชของทีมรุ่น U18 รวมถึงพ่วงตำแหน่งเป็นนักเตะโควตาอายุเกินของทีมชุด U21 อีกด้วย โดยเขาเข้ารับการตรวจเช็คร่างกายที่สโมสรเมื่อวันคริสต์มาสอีฟ (24 ธันวาคม) และถูกพบว่ามีผลเลือดผิดปกติ จึงทำให้ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
กระทั่งหลังจากตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล ก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นโครแอดดิสัน ซึ่งเป็นภาวะที่ต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง โดยจะส่งผลให้ร่างกายมีอาการเหนื่อยล้า, อ่อนเพลีย, กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อหรือตามข้อ น้ำหนักลดลง และเบื่ออาหาร
“วันหยุดช่วงคริสต์มาสครั้งแรกในรอบ 17 ปีของผม แตกต่างจากที่ผมคาดไว้เล็กน้อย หลังจากตรวจเลือดกับสโมสรเมื่อวันคริสต์มาสอีฟ ผมได้รับแจ้งว่าต้องเข้าโรงพยาบาลโดยด่วน ก่อนที่ร่างกายของผมจะเริ่มหยุดทำงาน ผมอาจอยู่ห่างจากสิ่งที่เรียกว่าวิกฤตต่อมหมวกไตหลายชั่วโมง/วัน” สเปิยริ่ง โพสต์ผ่านอินสตาแกรม
“หลังจากการตรวจสอบเพิ่มเติมอย่างละเอียด พวกเขาวินิจฉัยว่าผมเป็นโรคแอดดิสัน ผมใช้เวลาสักครู่หนึ่งเพื่อทำความเข้าใจกับมัน แต่ผมรู้สึกขอบคุณที่ตอนนี้ได้รับการวินิจฉัยว่าสามารถควบคุมและจัดการได้ผ่านการรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน และไม่ใช่สิ่งที่ผมจะยอมให้มีผลกระทบหรือบงการชีวิตของผม”
“เมื่อนึกย้อนกลับไป ผมละเลยอาการและการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมาเป็นเวลากว่า 1 ปีโดยไม่ได้ตรวจ ถ้าผมถ้าผมตรวจเจอช้ากว่านี้ สิ่งต่าง ๆ อาจแตกต่างออกไปมาก คติสอนใจของเรื่องนี้ คืออย่าเพิกเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของคุณ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม”
สำหรับ สเปียริง ถือเป็นนักเตะท้องถิ่นที่เป็นผลผลิตเด็กปั้นของลิเวอร์พูล โดยถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2008 ก่อนจะได้ลงเล่นไปทั้งหมด 55 เกม แต่สุดท้ายก็แจ้งเกิดไม้ได้จนโดนขายขาดไปให้โบลตัน วันเดอเรอร์สในปี 2013 กระทั่งเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็ตัดสินใจกลับมาช่วยลิเวอร์พูลอีกครั้งด้วยการเป็นทีมงานโค้ชของชุด U18 รวมถึงยังควบตำแหน่งนักเตะโควตาอายุเกินของทีมชุด U21 โดยได้ลงสนามไปแล้ว 2 เกมด้วย